เครื่องอ่านบาร์โค้ด 1D กับ 2D ต่างกันอย่างไร

เครื่องอ่านบาร์โค้ด 1D กับ 2D มีความแตกต่างกันทั้งด้านรูปลักษณ์ การใช้งาน และความสามารถในการอ่านโค้ดต่างๆ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพในระบบโลจิสติกส์ การผลิต และงานคลังสินค้า


📌 เปรียบเทียบเครื่องอ่านบาร์โค้ด 1D กับ 2D

หัวข้อเครื่องอ่าน 1D (Linear Scanner)เครื่องอ่าน 2D (Imager Scanner)
ประเภทโค้ดที่อ่านได้อ่านเฉพาะ บาร์โค้ดแบบ 1D เช่น Code128, EAN-13อ่านได้ทั้ง 1D และ 2D เช่น QR Code, Data Matrix
ลักษณะการอ่านใช้ลำแสงเลเซอร์สแกนแนวนอนใช้กล้องถ่ายภาพเพื่อประมวลผล
ทิศทางในการอ่านต้องอ่านในแนวเดียวกับแถบบาร์โค้ด (แนวนอน)อ่านได้หลายทิศทาง ไม่ต้องจัดตำแหน่งเป๊ะ
ความเร็วในการสแกนเร็วมากสำหรับ 1Dเร็วพอสมควรและยืดหยุ่นมากกว่า
การอ่านจากหน้าจอ / มือถือทำได้ยาก หรือไม่ได้เลยอ่านจากหน้าจอมือถือ/คอมพิวเตอร์ได้ดี
การอ่านบาร์โค้ดที่เสียหาย/ซีดจางอ่านยากอ่านได้แม้บาร์โค้ดเสียหายบางส่วน
ราคาของเครื่องราคาถูกกว่า (หลักร้อย – พันต้น ๆ)ราคาสูงกว่า (พันกลาง – หลักหมื่น ขึ้นกับฟีเจอร์)
การใช้งานทั่วไปร้านค้า, POS, คลังสินค้าพื้นฐานโรงงาน, โลจิสติกส์, โรงพยาบาล, ธุรกิจที่ใช้ QR / 2D
ความยืดหยุ่นจำกัดเฉพาะ 1Dรองรับระบบอัจฉริยะ, IoT, ERP ได้มากกว่า

✅ ตัวอย่างการใช้งาน

  • 1D Scanner
    • ร้านค้าปลีกทั่วไป
    • อ่านบาร์โค้ดสินค้าบนฉลาก
    • ใช้ร่วมกับ POS ทั่วไป
  • 2D Scanner
    • โรงงานผลิตที่ใช้ QR Code ในการติดตามสินค้า
    • บริษัทขนส่งที่ใช้สแกนพัสดุจากมือถือ
    • จุดเช็คอินที่ต้องสแกนบัตรประชาชน/ใบจอง e-Ticket

🔍 สรุป

  • ถ้าใช้งานเฉพาะ บาร์โค้ดทั่วไป (1D) เช่นในร้านค้า → เลือกเครื่อง 1D
  • ถ้าต้องการความยืดหยุ่น อ่านได้ทั้ง บาร์โค้ดและ QR Code (2D) → เลือกเครื่อง 2D
  • เครื่อง 2D สามารถทำงานแทนเครื่อง 1D ได้เสมอ แต่เครื่อง 1D จะไม่อ่าน 2D ได้

🎯 คำแนะนำ: หากคุณกำลังวางระบบใหม่ในโรงงานหรือคลังสินค้า ควรเลือก เครื่องอ่านบาร์โค้ดแบบ 2D เพื่อรองรับการใช้งานในอนาคตที่ต้องการความแม่นยำและความยืดหยุ่นสูง.