Serialization ในกระบวนการผลิต คือ กระบวนการกำหนดหมายเลขประจำตัวที่ไม่ซ้ำกัน (Unique Serial Number) ให้กับสินค้าแต่ละหน่วย โดยเฉพาะสินค้าที่ผลิตเป็นจำนวนมาก เช่น ยา เวชภัณฑ์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือผลิตภัณฑ์ที่ต้องมีการติดตามย้อนกลับ (traceability) ได้อย่างแม่นยำ
✅ จุดประสงค์ของการทำ Serialization
- ป้องกันสินค้าปลอมแปลง (Anti-Counterfeit)
- หมายเลข Serial แต่ละชิ้นสามารถตรวจสอบได้ว่าถูกผลิตโดยบริษัทจริงหรือไม่
- เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้บริโภค
- เพิ่มความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability)
- หากสินค้ามีปัญหา เช่น ยาไม่ได้มาตรฐาน สามารถระบุล็อตและหน่วยที่มีปัญหาได้ทันที
- รองรับกฎหมายและข้อกำหนด (Regulatory Compliance)
- หลายประเทศมีกฎหมายบังคับให้ผลิตภัณฑ์บางประเภท เช่น ยา หรืออาหาร ต้องมี serialization
- จัดการสินค้าคงคลังได้แม่นยำ
- แยกสินค้ารายชิ้น ไม่ปะปนกับล็อตอื่น
- ตรวจสอบได้ว่าสินค้าแต่ละชิ้นอยู่ที่ไหนในคลังหรือระบบจัดส่ง
🏭 กระบวนการ Serialization ทำงานอย่างไร?
- การสร้างรหัส Serial
- โดยระบบกลาง (Centralized System) หรือเครื่องกำเนิดรหัส
- รหัสอาจเป็นตัวเลข, ตัวอักษร, หรือ QR/Barcode
- การพิมพ์รหัส (Coding)
- ใช้เครื่องพิมพ์อุตสาหกรรมพิมพ์รหัสลงบนสินค้า/ฉลาก เช่น Inkjet, TIJ, Laser
- การตรวจสอบ (Verification)
- ใช้เครื่องอ่าน Barcode หรือกล้อง OCR ตรวจสอบว่า Serial ถูกพิมพ์ครบและตรง
- การบันทึก (Data Logging)
- ระบบจะบันทึกข้อมูลแต่ละ Serial ไว้ในฐานข้อมูล พร้อมข้อมูลผลิต เช่น วันที่ผลิต ล็อต ฯลฯ
- การเชื่อมโยงกับระบบใหญ่ (Integration)
- Serial จะเชื่อมกับระบบ ERP / WMS หรือระบบติดตามการจัดส่ง
📌 ตัวอย่างการใช้งาน Serialization
อุตสาหกรรม | การใช้งาน |
---|---|
ยา | รหัส Serial บนกล่องยา ใช้ตรวจสอบของปลอม |
อาหาร | Serial บนผลิตภัณฑ์เพื่อจัดการ Recall |
อิเล็กทรอนิกส์ | Serial สำหรับรับประกันสินค้า (Warranty) |
โลจิสติกส์ | ติดตามสินค้ารายชิ้นผ่านบาร์โค้ด/QR |
🚀 ข้อดีของการทำ Serialization
- เพิ่มความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Transparency)
- สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า
- ลดของเสียและของหาย
- สนับสนุนระบบอัตโนมัติ และอุตสาหกรรม 4.0