ไม่มีหมวดหมู่
ความแตกต่างของหมึกพิมพ์ Thermal Transfer และ Direct Thermal
ในการเลือกใช้เทคโนโลยีการพิมพ์บาร์โค้ดหรือฉลากสินค้า สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาคือประเภทของระบบการพิมพ์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ Thermal Transfer (เทอร์มอลทรานส์เฟอร์) และ Direct Thermal (ไดเรกต์เทอร์มอล) ทั้งสองมีข้อดี-ข้อจำกัดที่แตกต่างกัน และเหมาะกับการใช้งานคนละรูปแบบ บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจความแตกต่างอย่างละเอียด
1. ระบบการทำงาน
🔹 Thermal Transfer (TT)
ใช้ ริบบอนหมึก (Ribbon) ทำจากวัสดุแว็กซ์ แว็กซ์/เรซิน หรือเรซิน
ความร้อนจากหัวพิมพ์จะถ่ายโอนหมึกจากริบบอนลงบนวัสดุ เช่น กระดาษ โพลีเอสเตอร์ หรือพลาสติก
หมึกจะ “ยึดเกาะ” กับวัสดุได้ดีมาก
🔹 Direct Thermal (DT)
ไม่ใช้ริบบอน พิมพ์โดยตรงลงบนกระดาษที่ไวต่อความร้อน (Thermal Paper)
หัวพิมพ์จะสร้างความร้อนเพื่อเปลี่ยนสีของกระดาษในบริเวณที่สัมผัส
2. คุณสมบัติของงานพิมพ์
คุณสมบัติ Thermal Transfer Direct Thermal
ความทนทาน สูง ทนต่อรอยขีดข่วน แสงแดด ความชื้น ต่ำ ซีจางง่ายเมื่อโดนแสงหรือความร้อน
อายุของงานพิมพ์ หลายปี ไม่เกิน 6-12 เดือน
คุณภาพงานพิมพ์ คมชัด เหมาะกับงานกราฟิก/บาร์โค้ด คมชัดพอสมควร แต่สีอาจซีเมื่อเวลาผ่านไป
วัสดุที่ใช้พิมพ์ หลากหลาย (กระดาษ, ฟิล์ม, พลาสติก) เฉพาะกระดาษเทอร์มอลเท่านั้น
ต้นทุนต่อแผ่น สูงกว่า (เพราะใช้ริบบอน) ต่ำกว่า
3. การใช้งานที่เหมาะสม
✅ เหมาะสำหรับ Thermal Transfer:
สติ๊กเกอร์สินค้าถาวร
ป้ายคลังสินค้า
ฉลากสินค้าที่ต้องเจอกับอุณหภูมิหรือสภาพแวดล้อมรุนแรง
ป้ายสินค้าที่ต้องการเก็บไว้หลายปี
✅ เหมาะสำหรับ Direct Thermal:
ใบเสร็จรับเงิน
ป้ายพัสดุ / ฉลากส่งของที่อายุสั้น
ป้ายสินค้าที่เปลี่ยนบ่อย
การใช้งานภายในออฟฟิศ หรือสภาพแวดล้อมควบคุม
4. สรุปข้อแตกต่างหลัก
Thermal Transfer: คงทนสูง ใช้งานได้นาน เหมาะกับฉลากถาวร
Direct Thermal: ง่าย ประหยัด แต่ไม่ทน เหมาะกับงานชั่วคราว